วันวิสาขบูชา หรือวันเพ็ญเดือน ๖ นับเป็นวันที่สำคัญที่สุดในศาสนาพุทธ เพราะเกิดเหตุการณ์สำคัญทางพุทธศาสนามากถึง ๓ เหตุการณ์ คือวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้นจึงมีคำเรียกวันนี้อีกอย่างหนึ่งว่าวันพระพุทธเจ้า
วันวิสาขบูชา (อังกฤษ: Vesak, บาลี: Vesākha คำอ่าน วิสาขปุณฺณมีปูชา, สันสกฤต: Vaiśākha) เป็นวันสำคัญสากลทางพระพุทธศาสนาสำหรับชาวพุทธทุกนิกายทั่วโลก ทั้งเป็นวันหยุดราชการในหลายประเทศ และวันสำคัญในระดับนานาชาติตามข้อมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพราะเป็นวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนา ๓ เหตุการณ์ด้วยกัน คือ การประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ของพระโคตมพุทธเจ้า โดยทั้งสามเหตุการณ์ได้เกิด ณ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ หรือวันเพ็ญแห่งเดือนวิสาขะ (ต่างปีกัน) ชาวพุทธจึงถือว่า เป็นวันที่รวมเกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ยิ่ง และเรียกการบูชาในวันนี้ว่าวิสาขบูชา ย่อมาจากวิสาขปุรณมีบูชา แปลว่าการบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ
นางวิสาขามหาอุบาสิกา พร้อมหมู่เพื่อนหญิงบริวาร ได้ขอสมาทานถวายผ้าอาบน้ำฝน หรือผ้าวัสสิกสาฎก แด่พระพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์จนตลอดชีวิต
ทานพิธี คือพิธีถวายทานต่างๆ ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะทานพิธีสามัญที่จำเป็น และนิยมบำเพ็ญกันอยู่ทั่วไป และจะกล่าวเฉพาะระเบียบปฏิบัติกับคำถวาย ของฝ่ายทายกเท่านั้น
การถวายทาน คือการถวายวัตถุที่ควรให้เป็นทาน ในพระพุทธศาสนา เรียกวัตถุที่ควรให้เป็นทานนี้ว่าทานวัตถุ ท่านจำแนกไว้ ๑๐ ประการ คือ
บุญบั้งไฟ บ้างก็เรียกบุญขอฝน เพราะเป็นการบูชาพระยาแถน หรือเทพวัสสกาลเทพบุตร ซึ่งเชื่อกันว่า มีหน้าที่คอยดูแลให้ฝนตกถูกต้องตามฤดูกาล
ตามธรรมเนียมประเพณีของอีสาน เมื่อถึงเดือนหก จะมีพิธีหรือมีบุญประเพณีเพื่อเป็นสิริมงคลคือบุญบั้งไฟ บางแห่งเรียกบุญวิสาขบูชา บ้างก็เรียกบุญขอฝน โดยจัดกันก่อนฤดูทำนา ด้วยความเชื่อว่าเป็นการขอฝนเพื่อให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล ข้าวกล้าในนาข้าวอุดมสมบูรณ์ ดังที่ปรากฏในบทผญาเกี่ยวกับบุญเดือนหกว่า
จิตรกรรมฝาผนังที่วัดเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี ประเทศอินเดีย (ในภาพ) การสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งแรก หรือปฐมสังคายนา (First Buddhist council) ณ ถ้ำสัตตบรรณคูหา (The Sattapani Cave) ข้างเขาเวภารบรรพต ใกล้เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ โดยมีพระมหากัสสปเถระ เป็นประธานสงฆ์
การสังคายนา หมายถึง การร้อยกรองหรือรวบรวมพระธรรมวินัยอันเป็นคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า ซึ่งกระจัดกระจายกันอยู่ให้อยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน มีระบบเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยมีการประชุมสงฆ์ดำเนินการรวบรวมจัดหมวดหมู่ จัดระบบให้เป็นที่เรียบร้อย แล้วมีการสวดซักซ้อมหรือสวดพร้อมกันและเป็นแบบเดียวกัน เป็นการตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์แห่งพระธรรมวินัย และลงมติรับรองกันไว้เป็นหลักฐานสำคัญ แล้วมีการท่องจำ จดจำ หรือจารึกไว้สืบต่อมา
รูวันเวลิสเซยาสถูป (อังกฤษ: Ruwanwelisaya Stupa) มหาสถูปทรงโอคว่ำในเมืองอนุราธปุระ (อังกฤษ: Anuradhapura) ประเทศศรีลังกา
ศาสนาพุทธได้แผ่ขยายจากประเทศอินเดียสู่ลังกาทวีป เมื่อประมาณ ปี พ.ศ. ๒๓๖ ในคราวที่พระเจ้าอโศกมหาราช (อังกฤษ: Ashoka the Great) ทรงอุปถัมภ์การสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ ๓ ในอินเดีย และได้ส่งพระเถระผู้รอบรู้แตกฉานในพระธรรมวินัยไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนต่าง ๆ รวม ๙ สายด้วยกัน และใน ๙ สายนั้น สายหนึ่งได้มายังเกาะของชาวสิงหล (คือประเทศศรีลังกา ในปัจจุบัน) โดยการนำของพระมหินทเถระ ในรัชสมัยของพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ (อังกฤษ: Devanampiya Tissa) แห่งอาณาจักรอนุราธปุระ (อังกฤษ: Anuradhapura period, ระหว่าง ๓๗๗ ปี ก่อน ค.ศ. - ค.ศ. ๑๐๑๗) ซึ่งเป็นกษัตริย์ของลังกาในขณะนั้น
ปฏิบัติธรรมสืบสานเจตนารมณ์พระเดชพระคุณคุณูปมาจารย์ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต (ธ) และรักษาโรคด้วยพืชสมุนไพร โดย ท่าน อ.ลักษณ์ พุทธธรรม (ธ)
นอบน้อม เชิดชู ปกป้อง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ราชวงศ์ทุกๆ พระองค์
สถานที่นี้เป็นสถานที่สงบ ฝึกใจ ฝึกตน หากใจยังสกปรกจงกลับไปยังที่ของท่านเถอะ
สถานที่นี้เป็นที่เจริญ มรรคมีองค์ ๘ พรหมวิหาร ๔ เพื่อความหลุดพ้น
สถานที่นี้ ไม่รับเจิม ดูดวง ประกอบพิธีกรรมทางโลกทุกกรณี
๐๘.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. เวลาพักผ่อนของท่านอาจารย์ ห้ามรบกวนโดยเด็ดขาด
๑๓.๐๐ - ๑๘.๐๐ น. เวลาที่ศิษยานุศิษย์และญาติธรรม สามารถเข้าพบและสนทนาธรรมกับครูบาอาจารย์ได้ตามเหมาะสม
ศาลาภิรมย์ธรรม ๘๕/๑ ม.๓ ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ๓๔๒๖๐
ห้ามบุคคลภายนอก เข้าเขตหน่อแก้วยามวิกาล ในทุกกรณี
ห้ามศิษยานุศิษย์นำสิ่งเสพติดทุกชนิด เข้ามาภายในหน่อแก้วสถาน